กำกับ: ลี โซยอน
เขียนบท: คิม อึนฮี, ยูน อึนคยอง
แนวละคร: โรแมนติก, คอมเมดี้
จำนวนตอน: 17
ออกอากาศ: เกาหลี - 9 ธันวาคม 2556 - 4 กุมภาพันธ์ 2557
ไทย - ทุกวันจันทร์ - อังคาร เวลา 9.00-11.00 น. และ 20.30 - 22.30 น. ทางช่องพีพีทีวี ออกอากาศ 14 กรกฎาคม 2557 - 19 สิงหาคม 2557
ละคร "รักวุ่นวายกับคุณชายนายกฯ (Prime Minister and I)" นำเสนอเรื่องราวของ "ควอน ยุล" นายกรัฐมนตรีอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์เกาหลีใต้ ซึ่งได้คะแนนเต็มในเรื่องหน้าที่การงาน แต่สอบตกเรื่องความเป็นพ่อ และ "นัม ดาจอง" ปาปารัสซี่ยอดแย่แห่งเกาหลีใต้ แม้เธอจะเป็นนักข่าวสาวไฟแรงของหนังสือพิมพ์กอสซิบระดับปลายแถว "สแกนเดิล นิวส์" แต่ก็มักมีเหตุให้พลาดสกู๊ปเด็ดเสมอ เธอตกเป็นข่าวฉาวกับควอนยุลโดยไม่ได้ตั้งใจ เลยต้องสวมบทภรรยาเพื่อช่วยกอบกู้ภาพลักษณ์และรักษาเก้าอี้นายกฯ ให้กับควอนยุล (และช่วยทำฝันของพ่อให้เป็นจริง) หลังแต่งงานแล้วเธอย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านของควอนยุลและกลายเป็นคุณแม่ยังสาวที่เข้าถึงจิตใจของเด็กๆ นับแต่นั้นตำนานความรักของทั้งคู่ก็เริ่มต้นขึ้น
ละครเปิดฉากขึ้นภายในงานเลี้ยงรับรองแขกบ้านแขกเมือง... "ควอน ยุล" นายกรัฐมนตรีคนที่ 45 ของเกาหลีใต้ และ "นัม ดาจอง" ผู้เป็นภรรยา เดินเคียงคู่กันขึ้นไปบนเวทีเพื่อแสดงความเคารพและต้อนรับแขกวีไอพีชาวต่างชาติด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม ขณะที่กล้องโคลสอัพไปที่ใบหน้าของทั้งคู่ ดาจองก็กล่าวกับคนดูว่า
"นายกรัฐมนตรีใจซื่อ มือสะอาด ที่ได้รับความรักจากคนทั้งประเทศ สามีชั้นเอง... ควอน ยุล"
หลังโค้งคำนับบุคคลสำคัญระดับประเทศแล้ว ทั้งคู่ก็หันมายิ้มให้กันอย่างหยาดเยิ้ม แต่ไม่นานรอยยิ้มที่แสนหวานก็เปลี่ยนเป็นการแสยะยิ้มและเบะปากใส่กัน (ภาพตัดไปที่การต่อสู้ระหว่างจอมยุทธควอนยุลและดาจอง ) ดาจอง กล่าวต่อว่า "แต่สำหรับชั้น เขาเป็นคนเย็นชาสุดๆ และชอบใช้ความรุนแรง เป็นผู้ชายที่เย็นชาจนน่าขนลุกเลยล่ะ"
สาเหตุที่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ไม่สวีทหวานเหมือนคู่สามีภรรยาทั่วไป เป็นเพราะทั้งคู่ไม่ได้แต่งงานกันด้วยความรัก แต่เป็นการแต่งงานตามข้อตกลงและเงื่อนไขที่ระบุไว้ในสัญญา
ย้อนกลับไปเมื่อ 2 เดือนก่อน
นักข่าวสาวดาจองแอบปลอมตัวเป็นพนักงานร้านอาหารหรู หวังแชะภาพคู่รักคนดังที่แอบมานั่งทานอาหารในร้าน บังเอิญตอนนั้น ควอนยุล และ "ซอ เฮจู"
(เลขาฯ ที่กลายเป็นหัวหน้างานกิจการสาธารณะ ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในเวลาต่อมา) ก็อยู่ที่ร้านดังกล่าวด้วยเช่นกัน ทั้งคู่ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของทำเนียบน้ำเงิน (บลูเฮ้าส์) ว่าชื่อนายกฯ ที่ท่านประธานาธิบดีเสนอให้ทางรัฐสภาเห็นชอบ ไม่ผ่านการพิจารณาเป็นครั้งที่ 3 ท่านประธานาธิบดีจึงคิดที่จะเสนอชื่อนายกฯ คนใหม่ในแบบที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อนนับตั้งแต่เกิดการปฎิวัติเกาหลี
(นักศึกษาหัวรุนแรงออกมาประท้วงผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อ 54 ปีก่อน) นั่นก็คือการเสนอชื่อควอนยุลซึ่งอายุยังน้อย (42 ปี) ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
* เกาหลีใต้ ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย โดยมี "ประธานาธิบดี" ซึ่งได้รับการเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชนเป็นประมุข และมี "นายกรัฐมนตรี" ซึ่งได้รับการแต่งตั้งโดยประธานาธิบดี (ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา) ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยในด้านการบริหารประเทศ
ควอนยุลตอบตกลงและรับปากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของทำเนียบฯ ว่าจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับจนกว่าจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการ ระหว่างรอเฮจูซึ่งเดินไปส่งเจ้าหน้าที่ทำเนียบที่รถ ควอนยุลได้ยินเสียงกดชัตเตอร์จึงรีบเดินไปดู ในตอนนั้น ดาจองกำลังแอบถ่ายรูปคู่รักคนดังที่กำลังพลอดรักกันอยู่ในมุมมืดพลางลุ้นให้ทั้งคู่แนบชิดกันมากกว่านี้ ในที่สุดคู่รักคนดังก็ตรงเข้ากอดและจูบกันอย่างดูดดื่ม ดาจองรีบกดชัตเตอร์ แต่ยังไม่ทันได้ช็อตเด็ดก็มีใครคนหนึ่งเดินเข้ามาขวางหน้ากล้องซะงั้น
ควอนยุลนึกว่าดาจองเป็นนักข่าวสายการเมืองที่มาตามสืบเรื่องของตน จึงเดินเข้าไปหาดาจองและถามด้วยความไม่พอใจว่าใครอนุญาตให้เธอถ่ายภาพ เธอเป็นนักข่าวหรือ ดาจองซึ่งกำลังมุ่งมั่นอยู่กับแอบถ่ายยอมรับว่าตนเองเป็นนักข่าว จากนั้นก็ขอร้องว่าอย่าส่งเสียงดังและอย่ายืนบังกล้อง ควอนยุลไม่ฟังซ้ำยังแย่งกล้องของดาจองมาดูและลบภาพตนเองทิ้ง ดาจองแย้งว่าเธอไม่ได้ตั้งใจถ่ายรูปเขาและพยายามแย่งกล้องกลับคืนแต่ควอนยุลไม่เชื่อ ซ้ำยังบอกว่า
"ผมไม่รู้ว่าคุณรู้เรื่องนี้ได้ยังไง แต่คุณจะต้องถูกควบคุมตัวจนกว่าจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการจากทำเนียบน้ำเงิน หวังว่าคุณจะให้ความร่วมมือ"
ดาจองไม่เข้าใจในสิ่งที่ควอนยุลพูดและพยายามแย่งกล้องกลับคืน ควอนยุลเห็นภาพแอบถ่ายคนพลอดรักกันในกล้องของดาจองถึงได้รู้ว่าเธอไม่ใช่นักข่าวสายการเมืองแต่เป็นพวกปาปารัสซี่ จึงถามเธอว่า ไม่รู้สึกละอายใจบ้างเลยหรือที่หากินกับการขุดคุ้ยเรื่องคนส่วนตัวของคนอื่น หลังจากนั้นก็คืนกล้องให้เธอพลางพูดว่า
"น่าสมเพช ช่างน่าสมเพชจริงๆ" หลังพูดจบควอนยุลก็เดินจากไปทันที เมื่อโดนลบหลู่ว่าอาชีพที่เธอทำน่าสมเพช ดาจองก็ควันออกหูและด่าไล่หลังควอนยุลว่า
"ตาแก่ปากเสีย" แต่แล้วเธอก็เริ่มรู้สึกคุ้นๆ เหมือนเคยเห็นหน้าควอนยุลที่ไหนมาก่อน เธอจะหันไปถ่ายภาพคู่รักคนดังต่อแต่ถูกจับได้เสียก่อนเลยต้องรีบหนี เป็นอันว่าภารกิจในครั้งนี้ล้มเหลวอีกตามเคย
วันรุ่งขึ้น สื่อต่างๆ พากันประโคมข่าวเรื่องที่ควอนยุลถูกประธานาธิบดีเสนอชื่อให้เป็นนายกรัฐมนตรี
(ที่มีอายุน้อยที่สุด) ท่ามกลางกระแสตอบรับอย่างท่วมท้นจากประชาชน
"ปาร์ก จุนกี"
(รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุทธศาสตร์และการคลัง) ซึ่งเป็นทั้งอดีตเพื่อนรัก พี่เขย และคู่แข่งทางการเมืองของควอนยุลเป็นอีกคนหนึ่งที่กำลังนั่งดูรายงานข่าวด้วยเช่นกัน แม้จะไม่สบอารมณ์นักเพราะเขาเป็นตัวเก็งที่หลายคนคาดว่าน่าจะถูกเสนอชื่อให้เป็นนายกฯ แต่เขาก็รู้ดีว่าประธานาธิบดีจำเป็นต้องทำเช่นนี้
(เลือกคนนอกที่ไม่มีตำแหน่งในรัฐบาล) เพื่อปลุกกระแส หลังชื่อนายกที่เคยนำเสนอก่อนหน้าไม่ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภามา 3 คนแล้ว "แบ อินกวอน" ผู้ช่วยของจุนกี ออกความเห็นว่า ดูท่าทีของฝ่ายค้านแล้ว คราวนี้ควอนยุลไม่น่ามีปัญหาและคงผ่านฉลุย จุนกีกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่าปัญหาไม่มีก็ทำให้มีได้
ดาจอง ได้รับคำสั่งจากหัวหน้า (บก.) "โก ดัลเปียว" ให้ตามทำข่าวควอนยุล
(พอเห็นรูปควอนยุลในหนังสือพิมพ์ ดาจองก็จำได้ว่าเป็น 'ตาแก่ปากเสีย' ที่เข้ามาขัดจังหวะการแอบถ่ายเมื่อคืน) หัวหน้าของเธอพูดถึงควอนยุลอย่างชื่นชมว่า ในที่สุดเกาหลีใต้ก็จะมีนายกฯ ที่ดูดีมีสไตล์กับเขาเสียที ทั้งยังเล่าว่า ก่อนหน้านี้ ควอนยุลเคยเป็นอัยการที่มีพรสวรรค์และขึ้นชื่อในเรื่องความซื่อตรง ครั้นพอได้มาเป็นสมาชิกรัฐสภา ผลงานและหน้าตาของเขาก็เข้าตาประชาชนจนได้รับฉายาว่า "ลี บยองฮอน แห่งยออีโด"
("ลี บยองฮอน" หรือ ลี บยองฮุน เป็นพระเอกชื่อดังในซีรีส์หลายเรื่อง ส่วน "ยออีโด" เป็นเกาะขนาดใหญ่ในแม่น้ำฮันที่กรุงโซล นอกจากจะเป็นย่านธุรกิจ การเงิน และการลงทุนแล้ว ยังเป็นที่ตั้งของอาคารรัฐสภาอีกด้วย)
ดัลเปียวยังกล่าวอีกว่า โชคร้ายที่ภรรยาของควอนยุลต้องมาจบชีวิตหลังเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อ 7 ปีก่อนตอนที่เขาดำรงตำแหน่งผู้ว่าการเกาะเชจู เขาจึงต้องเลี้ยงดูลูกๆ 3 คนตามลำพังโดยไม่คิดที่จะแต่งงานอีก เขาได้ชื่อว่าเป็นผู้ชายโรแมนติกที่สุดในเกาหลี ทั้งยังได้รับการโหวตจากบรรดานักศึกษาสาวและเหล่าคนดังว่าเป็นนักการเมืองที่เซ็กซี่ที่สุด, เป็นผู้ชายที่หญิงโสดวัยสามสิบปีขึ้นไปอยากออกเดทด้วยมากที่สุด, เป็นผู้ชายที่เหล่าภรรยาอยากให้มาเปลี่ยนตัวกับสามีตนมากที่สุด เขายังเป็นคนดังแห่งยุคที่ฮอตสุดๆ และทำให้ผู้หญิงคลั่งไคล้มากที่สุดในตอนนี้
ดาจองนึกสงสัยว่าทำไมนักข่าวบันเทิงอย่างเธอถึงต้องตามสัมภาษณ์นักการเมืองอย่างว่าที่นายก ดัลเปียวจึงอธิบายว่า เขาไม่ได้สั่งให้เธอไปทำข่าวการเมือง เพราะคนที่ซื้อหนังสือของพวกตนไม่สนใจข่าวการเมือง ข่าวชาวบ้าน หรือสถานการณ์ในประเทศ สิ่งเดียวที่พวกเขาสนใจคือเรื่องอื้อฉาว ดัลเปียวส่งภาพถ่ายควอนยุลและเฮจูให้ดาจอง พร้อมทั้งเล่าว่า เฮจูเป็นหัวหน้าเลขาฯ ของควอนยุลมานานนับ 10 ปีแล้ว และเธอยังจบมหาวิทยาลัยเดียวกับควอนยุลอีกด้วย ดังนั้น หน้าที่ของดาจองก็คือการตามสืบว่าทั้งคู่แอบกิ๊กกันหรือไม่ ดาจองได้ยินดังนั้นก็ปฏิเสธทันควัน ครั้นพอโดนขู่ว่าจะถูกหักเงินเดือน เธอก็ตอบตกลงทันที
ควอนยุล ให้สัมภาษณ์บรรดาผู้สื่อข่าวสายการเมืองในฐานะว่าที่นายกเป็นครั้งแรก และดาจองก็แฝงตัวอยู่ในกลุ่มนักข่าวด้วย ระหว่างที่นักข่าวพากันยิงคำถามเกี่ยวกับการเมือง อยู่ๆ ดาจองก็ถามขึ้นมาว่า
"ท่านมีแผนที่จะแต่งงานใหม่มั๊ยคะ" ทุกคนต่างพากันอึ้งเมื่อได้ยินคำถามดังกล่าว ควอนยุลซึ่งกำลังเดินออกจากตึก
(โดยมีกองทัพนักข่าวเดินตาม) ถึงกับหยุดกึกและหันกลับมาดูว่าใครเป็นคนตั้งคำถาม ในตอนนั้นสายตาทุกคู่ต่างจับจ้องไปที่ดาจองทำให้เธอรู้สึกประหม่า ควอนยุลถามว่าเธอมาจากสำนักพิมพ์ไหน นาจองจึงแนะนำตัวว่า
"ชั้น นัม ดาจอง จากสแกนเดิลนิวส์ค่ะ"
ควอนยุล ถามดาจองว่า 'การเมือง' หมายถึงอะไร และชิงตอบว่า "
ตามคำนิยามแล้ว การเมืองคือกระบวนการที่ช่วยให้สังคมเข้าใจแนวความคิดอันนำไปสู่การกำหนดวัตถุประสงค์และนโยบายของรัฐบาล แต่ในความเป็นจริง มันคือสิ่งเลวทราม คือการแทงข้างหลัง คือการต่อสู้แย่งชิง (อำนาจ) ชนิดที่ไม่มีคำว่าประนีประนอม แล้วแผนแต่งงานใหม่ของผมเกี่ยวข้องกับการเมืองและวัตถุประสงค์ของประเทศชาติตรงไหน... คำตอบของผมชัดเจนพอรึยังครับ" พูดจบควอนยุลก็หันหลังเดินจากไปทันที หลังควอนยุลเดินออกไปแล้ว ดาจองก็ถูกนักข่าวสายการเมืองรุมประนาม และไล่ให้กลับไปตามก้นดารานักร้องตามเดิม
ขณะนั่งในรถ เฮจูเตือนควอนยุลว่าไม่ควรพูดตรงเกินไป เพราะอาจทำให้เกิดปัญหาตามมาภายหลังได้ ควอนยุลแย้งว่าตนไม่ใช่คนที่ชอบเล่นหัวหรือเอาใจคน จากนั้นก็พยายามนึกว่าเขาเคยเห็นหน้าดาจองที่ไหน เฮจูกล่าวต่อว่าระหว่างที่ยังไม่ได้รับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ ควอนยุลจะต้องทำงานที่ออฟฟิศชั่วคราวไปพลางๆ ก่อน หลังได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาแล้วจึงจะย้ายไปทำงานที่สำนักนายกฯ และบอดี้การ์ดของเขาก็จะเริ่มงานที่นั่น
แม้จะโดนคนอื่นดูถูกเหยียดหยามแต่ดาจองก็ไม่ละความพยายาม เธอขี่สกูตเตอร์ไล่ตามรถของควอนยุลและจอดติดไฟแดงข้างๆ กัน ควอนยุลรู้ว่าดาจองขี่รถตามตนมาจึงเปิดกระจกรถแล้วถามว่าจะตามตนไปถึงไหน แต่ดาจองแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง ควอนยุลจำได้ว่าดาจองคือนักข่าวที่ตั้งคำถามไร้สาระกับตนก่อนหน้านี้ ทั้งยังนึกออกด้วยว่าเขาเพิ่งเจอเธอเมื่อคืน เฮจูเตือนดาจองว่าไม่ควรทำเช่นนี้และถามดาจองว่าตามพวกตนมาทำไม ดาจองลังเลเล็กน้อยก่อนตอบว่าเธอต้องการสัมภาษณ์ควอนยุล ควอนยุล บอกดาจองว่าหากต้องการสัมภาษณ์ตนก็ให้ขึ้นมาบนรถ ดาจองได้ยินดังนั้นจึงรีบจอดรถทิ้งไว้กลางสี่แยกแล้วขึ้นรถไปกับควอนยุลทันที
หลังขึ้นรถแล้ว ดาจองก็แนะนำตัวพร้อมทั้งยื่นนามบัตรให้ควอนยุล เธอเรียกเขาว่า "ท่านนายก" แต่ควอนยุลแย้งว่าตอนนี้เขายังเป็นเพียงผู้ได้รับเลือกหรือผู้รักษาการแทนนายกรัฐมนตรี (ยังไม่ได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา) ดาจองเห็นว่า ถ้าเรียกควอนยุลว่ารักษาการนายกฯ ตามที่เขาบอกก็อาจออกเสียงเพี้ยนเป็นคำว่าสเปิร์ม (ภาษาเกาหลีออกเสียงคล้ายกัน) เธอเลยขอเรียกเขาว่า "ท่านนายก" ตามเดิม ขณะกำลังจะเริ่มสัมภาษณ์ อยู่ๆ ดาจองก็ทำจมูกฟุตฟิตพลางยื่นหน้าเข้าไปดมเนื้อตัวควอนยุล แล้วถามว่าเขาใช้โคโลญจน์ยี่ห้ออะไร ควอนยุลปฏิเสธว่าตนไม่ได้ใช้ หลังปล่อยให้ดาจองถามคำถามเรื่อยเปื่อยได้สักพัก เขาก็ถามกลับด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์ว่า "เธอไม่อยากรู้เหรอว่า เรากำลังจะไปที่ไหนกัน"
ปรากฏว่าควอนยุลลากตัวดาจองมาส่งที่โรงพัก ดาจองร้องโวยวายว่าเขาเป็นแค่รักษาการแทนนายกฯ จึงไม่มีสิทธิสั่งขังเธอ และสิ่งที่เธอทำ
(ตามตื๊อขอสัมภาษณ์) ก็ไม่ได้ร้ายแรงและใช่ความผิดในคดีอาญาถึงขนาดต้องจับเธอขังคุก ควอนยุลจึงแจ้งตำรวจว่าดาจองเป็นพวกโรคจิตที่ชอบสะกดรอยตามตน
หลังนำดาจองไปส่งที่โรงพักแล้ว ควอนยุลก็ไปที่ออฟฟิศชั่วคราวเพื่อสัมภาษณ์และคัดเลือกทีมงาน "คัง อินโฮ" เป็นหนึ่งในผู้สมัครที่มีคุณสมบัติอันโดดเด่น ควอนยุลสงสัยว่าทำไมอินโฮมักได้ที่สอง ไม่ว่าจะเป็นการสอบเอ็นทรานซ์ซึ่งได้คะแนนสูงสุดเป็นอันดับสองของประเทศ จบจากมหาวิทยาลัยโซลด้วยคะแนนเป็นอันดับสองของรุ่น สอบเข้าทำงานในหน่วยงานของรัฐโดยได้คะแนนสูงสุดเป็นอันดับที่สอง อินโฮให้เหตุผลว่าหากสอบได้ที่ 1 ก็จะถูกรุมสัมภาษณ์และตนก็ถ่ายรูปไม่ขึ้น
ควอนยุลถามต่อว่าทำไมเขาถึงอาสาเข้ามาทำงานนี้ อินโฮตอบว่าตอนแรกตนได้แต่เฝ้ารอว่าจะมีใครมองเห็นความสามารถของตน แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเป็นฝ่ายถูกเลือก ดังนั้น ตนจึงอาสาเข้ามาทำงานด้วยตนเอง เขายังบอกด้วยว่า หากควอนยุลเป็นนายกหุ่นเชิดที่ทำงานตามใบสั่งตนคงไม่เอาด้วย แต่ถ้าควอนยุลไม่ได้เป็นเช่นนั้นตนก็อยากมาช่วยงานเขา แบบเดียวกับที่ขงเบ้งเป็นกุนซือให้เล่าปี้ สุมาอี้เป็นที่ปรึกษาให้โจโฉ ควอนยุลแย้งว่าตนไม่เคยคิดที่จะเป็นใหญ่แบบเล่าปี่ และคนที่ควรเป็นขงเบ้งก็คือตนไม่ใช่อินโฮ
(ควอนยุล ไม่ได้มาเป็นนายกรัฐมนตรีเพื่อแสวงหาอำนาจ แต่มาเป็นผู้ช่วยและที่ปรึกษาให้ประธานาธิบดี) ถึงกระนั้นเขาก็ยังต้องการผู้ช่วยที่ฉลาดหลักแหลมเหมือนขงเบ้งอยู่ดี อินโฮจึงได้รับโอกาสนี้และสามารถเริ่มงานได้ทันที
หลังออกจากห้องควอนยุลแล้ว อินโฮกลับมีสีหน้าเคร่งเครียดทั้งๆ ที่เพิ่งได้งานสมใจ แต่พอหันมาเห็นเฮจูเขาก็ทักทายและฝากเนื้อฝากตัวกับเธอด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ครั้นพอเฮจูเดินจากไปเขาก็หันกลับไปมองห้องของควอนยุลด้วยสีหน้าโกรธแค้น
ควอนยุลกำชับเฮจูว่าอย่าให้ดาจองเข้ามาในตึกนี้โดยเด็ดขาด เมื่อดาจองแฝงตัวเข้ามาเป็นพนักงานทำความสะอาดจึงโดนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยลากตัวออกไปต่อหน้าต่อตานักข่าวคนอื่นๆ เจ้าหน้าที่ย้ำว่าที่นี่ห้ามนักข่าวจากสแกนเดิลนิวส์เข้า ดาจองโวยลั่นที่ถูกลิดรอนสิทธิในการทำข่าว ซ้ำยังเป็นการเลือกปฏิบัติ เพราะนักข่าวคนอื่นๆ ยังสามารถเข้านอกออกในได้ตามเดิม
"บยอน โฮชอล" นักข่าวสายการเมืองจากหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ "โครยอ อิลโบ" ขอให้ดาจองหยุดทำลายภาพลักษณ์และเลิกสร้างความอับอายให้กับนักข่าวสายการเมืองมืออาชีพอย่างพวกตน จากนั้นก็ไล่ให้ดาจองออกจากตึกไป ดาจองโกรธมากจึงตีนักข่าวคนดังกล่าวด้วยม็อบถููพื้นพลางด่าอีกเป็นชุดทำให้โดนรปภ. หิ้วปีกออกจากตึก เมื่อควอนยุลมาถึงและได้ยินเสียงเอะอะโวยวาย เขาก็ถามเฮจูว่าเกิดอะไรขึ้น เฮจูรายงานว่าดาจองแอบลักลอบเข้ามาในตึกเลยถูกลากตัวออกไป
ควอนยุลประหลาดใจเมื่อพบว่าจุนกีมาพบเขาโดยไม่ได้นัดหมาย หลังทักทายควอนยุลตามมารยาทแล้ว จุนกีก็ทักทายเฮจูอย่างเป็นกันเอง แต่เฮจูขอให้เขาเรียกเธอว่า "ผู้จัดการซอ" แทนคำว่า "เฮจู" และเธอก็เรียกเขาเต็มยศว่า "ท่านรัฐมนตรี ปาร์ก จุนกี" หลังเฮจูออกจากห้องไปแล้ว ควอนยุลก็ถามจุนกีว่าทำไมจึงมาหาตนถึงที่นี่ จุนกีอ้างว่ามาแสดงความยินดีที่น้องเขยกำลังจะได้เป็นนายกฯ แต่ควอนยุลรู้ทันเลยถามดักคอว่า "แน่ใจนะว่าไม่ได้มาประกาศสงคราม" ก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงใจว่า "ชั้นไม่อยากฟาดฟันกับนาย"
จุนกีบอกให้ควอนยุลถอนตัว โดยนำเรื่องที่ "นายอง" น้องสาวของเขา
(อดีตภรรยาควอนยุล) ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตเมื่อหลายปีก่อนมาเป็นข้ออ้างเพื่อให้ควอนยุลรู้สึกผิดและหลีกทางให้ตน ควอนยุลแย้งว่านายองไม่ได้ตายเพราะตน จุนกีได้ยินดังนั้นจึงนำหลานๆ
(ลูกควอนยุล) มากล่าวอ้าง โดยบอกว่าที่ตนมาเตือนให้ควอนยุลถอนตัวเป็นเพราะเห็นแก่หลานๆ แต่ถ้าควอนยุลยังคงเดินหน้าก็จะได้เห็นดีกัน
ดาจองมาเยี่ยมและเล่นไพ่กับพ่อที่โรงพยาบาล แม้พ่อของเธอจะป่วยแต่เธอก็ไม่ยอมออมมือ ทำให้พ่อของเธอชักเริ่มหงุดหงิด และพาลบ่นเรื่องที่เธอยังไม่มีแฟนเสียที เมื่อเห็นหมอเดินมาพ่อดาจองกลับบอกว่า "แม่มาแล้ว" เขายังตำหนิหมอด้วยว่า "ที่รัก ทำไมเพิ่งมาเอาป่านนี้ ดาจองของเราอุตส่าห์มาที่นี่" แม้พ่อดาจองจะป่วยจนคิดว่าหมอเป็นแม่ แต่ดาจองยังหวังว่าอาการพ่อของเธอจะดีขึ้น เพราะพ่อเธอสามารถเล่น (คำนวณ) ไพ่ได้ หมอจึงบอกตามตรงว่าอัลไซเมอร์เป็นโรคที่รักษาไม่หาย ที่ทำได้ก็คือการประคับประคองให้อาการทางสมองของพ่อเธอทรงตัวอยู่ในระดับนี้ให้นานที่สุด
ดาจองบ่นเรื่องที่พ่อชอบเร่งให้ตนแต่งงานเร็วๆ พ่อจึงจับมือดาจองแล้วบอกว่า สิ่งที่ตนฝันอยากทำมากที่สุดก็คือ การจับมือดาจองเดินเข้าโบสถ์
(ส่งตัวเจ้าสาวในงานแต่งงาน) ดาจองอยากให้พ่อสบายใจจึงรับปากว่าจะแต่งงาน ระหว่างนวดไหล่ให้พ่อ ดาจองแอบขอโทษในใจที่เธอไม่สามารถทำให้ความฝันของพ่อเป็นจริง
(เธอไม่คิดที่จะแต่งงานเพราะต้องการอยู่ดูแลพ่อ)
"ฮีชอล" นำรูปลูกๆ ของควอนยุลมาให้ดาจองดูพร้อมทั้งแนะนำว่า ลูกคนโตของควอนยุลชื่อ "ควอน อูรี" อายุ 15 ปี คนกลางชื่อ"ควอน นารา" อายุ 12 ปี ส่วนคนเล็กชื่อ "ควอน มันเซ" อายุ 7 ปี (อูรี + นารา + มันเซ เมื่อออกเสียงรวมกันมีหมายความว่า "ชาติบ้านเมืองของเรา ไชโย!") ดาจองเห็นว่าภารกิจนี้เป็นการคุกคามเด็กๆ เลยโวยลั่น ฮีชอลจึงเตือนว่าถ้าคราวนี้เธอกลับสำนักพิมพ์มือเปล่าอีกมีหวังโดนบก.ไล่ออกแน่ ดาจองชั่งใจโดยนึกถึงคำพูดของดัลเปียวที่เคยบอกเธอว่า แม้จะตามขุดคุ้ยเรื่องเฮจูไม่ได้ ก็ไม่ควรกลับออฟฟิศมือเปล่า อย่างน้อยๆ ก็น่าจะสืบให้ได้ว่าควอนยุลชอบทานอะไร ชอบศิลปินคนไหน ใส่กางเกงในทรง บรีฟส์ (แบบธรรมดาทั่วไป) หรือบ็อกเซอร์
ดาจองยืนยันว่าเธอจะไม่สืบหาข่าวจากเด็กๆ แต่เธอจะพยายามเต็มที่และจะไม่ยอมกลับออฟฟิศมือเปล่าอย่างแน่นอน พูดจบเธอก็เดินลงจากรถ
(ซึ่งจอดอยู่หน้าบ้านควอนยุล) ทันที ดาจองยืนมองบ้านควอนยุลด้วยสายตามุ่งมั่น แต่สุดท้ายก็ท่าดีทีเหลวอีกตามเคย เพราะวิธีหาข่าวของดาจองก็คือการคุ้ยขยะหน้าบ้านเพื่อดูว่าครอบครัวเขาทานอะไรบ้าง เมื่อเห็นว่าไม่เวิร์ค (และเหม็น) ดาจองก็เปลี่ยนแผนโดยคิดที่จะปีนรั้วเข้าไปทางด้านใน
อินโฮเห็นดาจองยืนด้อมๆ มองๆ หน้าบ้านควอนยุลด้วยท่าทีมีพิรุธ จึงเดินเข้าไปถามว่าเธอมาทำอะไรที่นี่ ดาจองแกล้งทำเป็นร้องเพลงเทียนมีมี่และเดินหนีแบบเนียนๆ อินโฮจึงถามเป็นภาษาจีนว่าเธอเป็นนักท่องเที่ยวชาวจีนหรือ ดาจองตอบเป็นภาษาญี่ปุ่นว่า เธอชอบเพลงจีนแต่ไม่ใช่คนจีน อินโฮจึงเปลี่ยนมาพูดกับเธอเป็นภาษาญี่ปุ่น
(เขาพูดได้ 5 ภาษา) พร้อมทั้งเหน็บว่า เธอเป็นนักท่องเที่ยวที่สนใจถังขยะมากกว่าการเดินชมวิว ดาจองยังคงแถเป็นภาษาญี่ปุ่นว่าถังขยะที่นี่ไม่เหมือนที่ญี่ปุ่น อินโฮนึกสนุกเลยแกล้งถามดาจองเป็นภาษาอังกฤษและภาษาสเปน เมื่อเห็นดาจองเริ่มมึน เขาก็เปลี่ยนมาพูดภาษาเกาหลีโดยถามอย่างรู้ทันว่า
"คุณเป็นนักข่าวใช่มั๊ยครับ" เขาเตือนเธอว่าอย่าทำอย่างนี้อีก เพราะคราวหน้าเขาจะไม่ใจดีอย่างวันนี้แน่ ดาจองหน้าจ๋อย แต่แล้วอยู่ๆ เธอก็นึกสงสัยว่าเขาเป็นใครถึงได้มาคอยห้ามโน่นห้ามนี่ อินโฮจึงแนะนำตัวว่า
"ผมชื่อคัง อินโฮ เป็นผู้ดูแลและบริหารตารางงาน (เลขาฯ) ให้ท่านนายกควอนยุล"
ขณะที่ควอนวอนยุลกำลังครุ่นคิดถึงคำเตือนแกมข่มขู่ของจุนกี เฮจูก็วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามารายงานว่ามันเซหายตัวไป ควอนยุลจึงรีบกลับบ้านทันที พี่เลี้ยงเด็กบอกว่ามันเซกลับมาบ้านแล้ว เธอไม่รู้ว่ามันเซออกไปข้างนอกตอนไหน แต่ออกตามหาจนทั่วก็ยังหาตัวไม่เจอ ควอนยุลจึงบอกให้เฮจูตรวจสอบกล้องวงจรปิด
ดาจองเดินบ่นเรื่องที่เธอยังหาข่าวเกี่ยวกับควอนยุลไม่ได้ ระหว่างทางเธอพบว่าคู่ปรับ
(นักข่าวชื่อ โฮชอล) กำลังหลอกล่อมันเซด้วยขนมปัง
(ของโปรดของมันเซ) และในตอนนั้นมันเซก็กำลังร้องไห้จ้าเพราะอยากได้ขนมปังเพิ่ม ทำให้โฮชอลเริ่มหงุดหงิด เพราะเลี้ยงขนมหลายอันแล้วแต่มันเซยังไม่ยอมตอบคำถาม ซ้ำยังขอขนมเพิ่มเรื่อยๆ หลังให้ขนมชิ้นที่ 5 แล้ว โฮชอลก็หลอกถามมันเซว่า
"พ่อเธอสนิทกับใครมากที่สุด... ผู้จัดการซอใช่รึเปล่า" มันเซไม่ยอมตอบคำถาม เขาเอาแต่จ้องหน้าโฮชอลพลางเคี้ยวขนมปังตุ้ยๆ
ดาจองเข้ามาขัดจังหวะโดยบอกให้โฮชอลเลิกหาข่าวด้วยการหลอกเด็ก และบอกมันเซว่าอย่าพูดกับโฮชอลเพราะโฮชอลเป็นคนไม่ดี โฮชอลขำกลิ้ง เขามองชุดที่ดาจองใส่อย่างดูถูก
(นักข่าวอะไรแต่งตัวคล้ายนักเรียนมัธยม) ก่อนกล่าวว่าตนจะหาข่าวด้วยวิธีไหนมันก็เป็นเรื่องของตนไม่เกี่ยวกับดาจอง ดาจองจึงขู่ว่าถ้าเรื่องนี้ถึงหูพ่อของมันเซ เขาต้องเอาเรื่องอย่างถึงที่สุดแน่ๆ โฮชอลยอมรับผิดมันเซแล้วเดินจากไป หลังจากนั้นดาจองก็อาสาพามันเซไปส่งบ้าน
ควอนยุลร้อนใจหลังทำทุกวิถีทางแล้วแต่ก็ยังหามันเซไม่พบ เฮจูกังวลว่าอาจเป็นการลักพาตัวจึงแนะให้ทำการสืบสวนข้อเท็จจริงในเบื้องต้น ควอนยุลถามเฮจูว่าพบภาพผู้ต้องสงสัยในกล้องวงจรปิดไหม เฮจูปฏิเสธโดยบอกว่ามีแต่ภาพมันเซเดินออกไปคนเดียว อินโฮนึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้ดาจองมาด้อมๆ มองๆ อยู่ข้างรั้วจึงบอกควอนยุลว่าตนเพิ่งเจอนักข่าวสาวท่าทีมีพิรุธ หลังฟังอินโฮบรรยายลักษณะท่าทางของนักข่าวคนดังกล่าวแล้วเฮจูก็สงสัยว่าอาจจะเป็นดาจอง ควอนยุลมั่นใจว่าถ้าเป็นดาจองก็ไม่ใช่การลักพาตัวจึงสั่งอินโฮไปบอกตำรวจให้ช่วยค้นหาอีกที หลังจากนั้นเขาก็บอกเฮจูให้สแตนบายด์รอเพราะดาจองอาจพามันเซกลับมาส่งบ้าน
ระหว่างพามันเซไปส่งที่บ้าน ดาจองบอกมันเซวาทีหลังอย่าไปไหนกับคนแปลกหน้าอีก ไม่ว่าใครจะเอาอะไรมาหลอกล่อก็ตาม ทั้งยังบอกให้มันเซรีบเดินเพราะป่านนี้คนที่บ้านคงเป็นห่วงแย่ แต่หนูน้อยมันเซกลับบอกว่าคงไม่มีใครเป็นห่วงตน เพราะทุกคนยุ่งมาก คราวก่อนตนออกไปเล่นข้างนอกจนมืดค่ำยังไม่มีใครรู้เลย จากนั้นมันเซก็ถามดาจองว่าเธอเป็นนักข่าวของสำนักพิมพ์ไหน โดยเอ่ยชื่อหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่มา 3 ฉบับ ดาจองบอกว่าเธอมาจากสแกนเดิลนิวส์ มันเซร้องอ๋อแล้วบอกว่า
"หนังสือพิมพ์ปาปารัสซี่ที่ชอบแอบถ่ายคนดังนี่เอง" ดาจองนึกไม่ถึงว่าหนูน้อยจะรู้จักหนังสือพิมพ์บันเทิงระดับปลายแถว เธอถามมันเซว่าหลุดปากบอกอะไรกับนักข่าวคนเมื่อกี๊หรือเปล่า มันเซบอกว่าตนไม่ได้พูดอะไร เพราะพ่อสั่งไว้ว่าห้ามไปยุ่งพวกนักข่าว
ดาจองแอบขำที่เห็นว่าพ่อลูกคู่นี้ถอดแบบมาเหมือนกันเปี๊ยบ เธอถามมันเซว่าแล้วไปกับนักข่าวคนนั้นทำไม มันเซตอบ
"เขาบอกว่าจะซื้อขนมปังให้ผม ผมก็แค่กินขนมปังแต่ไม่ได้พูดอะไร แบบที่เค้าเรียกว่าหลอกกินฟรีไง" ดาจองถึงกับอึ้งในความเจ้าเล่ห์ของหนูน้อย มันเซเถลไถลไม่ยอมกลับบ้านโดยขอเล่นชิงช้าก่อน
(ในตอนนั้นควอนยุลและป้าพี่เลี้ยงกำลังออกตามหามันเซด้วยความร้อนใจ) ดาจองบอกมันเซให้รีบกลับบ้าน แต่มันเซกลับขอให้เธอซื้อขนมปังมาให้ตนก่อน ทั้งยังเรียกเธอว่า "ป้า" อีกด้วย ดาจองแย้งว่าก่อนหน้านี้มันเซกินขนมปังเข้าไปตั้งหลายอันแล้ว และเธอก็ไม่ได้แก่ขนาดนั้นด้วย มันเซอ้างว่าตนหิวและร้องขอขนมปัง แต่ดาจองไม่ตามใจมันเซ เธอพยายามหว่านล้อมให้มันเซกลับบ้าน พอไม่ได้ดั่งใจมันเซก็เริ่มร้องงอแง
ควอนยุลเห็นมันแซร้องไห้เสียงดังลั่นจึงรีบวิ่งไปหาด้วยความเป็นห่วง แต่คำแรกที่ออกจากปากควอนยุลกลับเป็นการตะคอกถามลูกด้วยน้ำเสียงดุดันว่าหายไปไหนมาทั้งวัน ขณะที่ป้าซึ่งทำหน้าที่พี่เลี้ยงเข้ามาจับมือมันเซและถามด้วยความเป็นห่วงว่าไม่เป็นอะไรใช่ไหม จากนั้นก็ร่ำไห้ด้วยความดีใจ ดาจองเห็นว่ามันเซปลอดภัยแล้วจึงแอบถอยห่างออกมาเงียบๆ ควอนยุลเห็นดังนั้นก็บอกให้พี่เลี้ยงพามันเซกลับบ้านก่อน จากนั้นก็ตะโกนสั่งให้ดาจองหยุดอยู่ตรงนั้น
ดาจองทำใจดีสู้เสือและพยายามอธิบายว่าเธอไม่ได้ลักพาตัวมันเซ ควอนยุลกล่าวว่าถึงเธอจะไม่ได้แลดูฉลาด แต่เขาก็ไม่คิดว่าเธอจะโง่ถึงขนาดลักพาตัวลูกชายนายกฯ ดาจองดีใจที่ควอนยุลไม่เข้าใจเธอผิด เธอจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟังแต่ควอนยุลกลับพูดแทรกด้วยน้ำเสียงสมเพชว่า
"เธอจะใช้ชีวิตแบบนี้อีกนานแค่ไหน เธอใช้เด็กเป็นเครื่องมือในการทำข่าวงั้นหรือ ถึงเธอจะเป็นแค่นักข่าวกระจอกๆ ของหนังสือพิมพ์ชั้นปลายแถว แต่เธอก็ควรมีจรรยาบรรณในการทำงานไม่ใช่หรือ"
ดาจองพยายามอธิบายแต่ควอนยุลไม่ฟัง เขาถามเธอด้วยน้ำเสียงผิดหวังว่า
"เธอหวังอะไรจากการล่อลวงเด็ก เธอหลอกถามเรื่องอะไรบ้าง สีที่ชั้นชอบงั้นรึ หรือว่าดาราคนโปรด" ดาจองถามควอนยุลว่าทำไมถึงไม่ฟังเธอบ้าง แต่ควอนยังคงคาดคั้น
"ถ้าไม่ใช่เรื่องนั้นแล้วเธอถามอะไร เธอถามเขาว่าชั้นคบใครอยู่ไหม และเขาอยากมีแม่เลี้ยงรึเปล่างั้นรึ ถ้าไม่ใช่...เธอคงถามเขาว่าคิดถึงแม่รึเปล่า เธอถามเรื่องบ้าๆ พวกนี้กับเด็กอายุ 7 ขวบที่ไม่มีแม่ใช่ไหม นี่เธอต่ำช้าขนาดนั้นเลยหรือ"
ดาจองน้ำตาคลอเบ้า เธอพูดไม่ออกและไม่อาจทนฟังควอนยุลได้อีกต่อไปจึงขอตัว แต่ควอนยุลคว้าตัวเธอไว้แล้วจับกดกับเสาพลางบอกว่าตนยังพูดไม่จบ เขายื่นหน้าเข้าไปหา
(ทั้งคู่ไม่รู้ว่ามีคนแอบถ่ายภาพ) และเตือนดาจองเป็นครั้งสุดท้ายว่าถ้าล้ำเส้นตนอีกได้เจอดีแน่ หากเธอยังอยากเป็นนักข่าวต่อไปก็อย่ามาให้ตนเห็นหน้าอีก พูดจบควอนยุลก็เดินจากไป ทิ้งให้ดาจองยืนน้ำตาร่วงและเจ็บปวดใจตามลำพัง
เช้าวันรุ่งขึ้น ควอนยุลเรียกลูกๆ มาอบรมเรื่องการวางตัวและย้ำว่าห้ามให้ข้อมูลใดๆ กับนักข่าว โดยพุ่งเป้าไปที่มันเซ มันเซแย้งว่าตนไม่พูดอะไร แค่กินขนมปังเฉยๆ ควอนยุลนึกว่าดาจองเอาขนมปังมาล่อมันเซ จึงบ่นกับตัวเองว่า
"ยิ่งคิดยัยนั่นก็ยิ่งน่าทุเรศ เธอเข้าหาเด็กด้วยวิธีนี้เนี่ยนะ" มันเซแย้งว่าคนที่ซื้อขนมปังให้ตนเป็นผู้ชาย ควอนยุลอึ้งและถามลูกว่า
"แล้วผู้หญิงที่อยู่กับลูกในสนามเด็กเล่นล่ะ" มันเซตอบว่า
"อ๋อ... ป้าคนนั้นช่วยไล่ผู้ชายที่ซื้อขนมปังให้ผม ป้าบอกว่าผู้ชายคนนั้นเป็นคนไม่ดี และบอกผมว่าห้ามพูดอะไร" อิโฮได้ยินดังนั้นก็แอบยิ้ม ส่วนควอนยุลตกใจเมื่อรู้ว่าตนเข้าใจดาจองผิด
ดาจองประกาศกร้าวว่าเธอจะไม่มีวันไปเหยียบที่ทำงาน (ชั่วคราว) ของนายกอีก ต่อให้บก. เอามีดมาจ่อคอหอยเธอก็จะไม่ไปสัมภาษณ์ 'ตาบ้าควอนยุล' เด็ดขาด ดัลเปียวจึงงัดไม้ตายด้วยการขู่ว่าจะไล่เธอออก ปรากฏว่าคราวนี้ไม่ได้ผล แถมดาจองซึ่งกำลังบ้าเลือดยังท้าให้เขาไล่เธอออกเดี๋ยวนี้เลย ดาจองเดินกระฟัดกระเฟียดกลับไปนั่งที่โต๊ะ และยิ่งโมโหหนักเมื่อนึกถึงคำพูดของควอนยุลที่กล่าวหาว่าเธอเป็นคนต่ำช้า ทันใดนั้น ก็มีคนโทรศัพท์มาหาดาจอง
ดาจองและฮีชอลเดินเคียงคู่กันเข้าไปในตึก
(ออฟฟิศชั่วคราวของควอนยุล) อย่างมาดมั่น ครั้นพอโฮชอล
(ซึ่งจับกลุ่มอยู่กับบรรดานักข่าวการเมืองจากสำนักพิมพ์ดัง) เห็นทั้งคู่ก็ทำเป็นวางท่าต่อหน้าเพื่อนักข่าวคนอื่นๆ และพูดจาดูถูกดาจองว่าอยากโดนลากตัวออกไปอีกครั้งหรือไง เมื่อรู้ว่าดาจองมาสัมภาษณ์พิเศษตามนัด โฮชอลก็ถามว่าสัมภาษณ์ใคร เขาคิดว่าไม่ใช่ควอนยุลแน่ๆ จึงถามว่ามาสัมภาษณ์ยามที่ลากตัวเธอออกไปคราวก่อนงั้นหรือ จากนั้นก็หัวเราะเยาะด้วยความสะใจ แต่แล้วทั้งโฮชอลและนักข่าวคนอื่นๆ ต่างพากันเงิบ เมื่ออินโฮมาเชิญดาจองให้ขึ้นไปสัมภาษณ์ควอนยุล
ระหว่างอยู่ในลิฟต์ อินโฮแกล้งถามดาจองว่า ไหนบอกว่าจะไม่มาเหยียบที่นี่อีก ดาจองอ้างว่าตนมาเพราะท่านนายกควอนยุลต้องการให้สัมภาษณ์พิเศษกับสแกนเดิลนิวส์เพียงเล่มเดียว ถึงไม่อยากมาก็ต้องมา เพราะเธอคำนึงถึงสิทธิในการรับข่าวสารของประชาชน เลยต้องตัดความรู้สึกส่วนตัวออก อินโฮแกล้งพูดว่านี่คงเป็นทัศนคติของคนทำข่าวสินะ ดาจองเปลี่ยนเรื่องพูดโดยถามว่าทำไมอยู่ๆ ควอนยุลจึงยอมให้เธอสัมภาษณ์พิเศษ เธอเดาว่านายกคงรู้สึกผิดและมันเซคงบอกความจริงกับพ่อแล้ว เธอลอยหน้าลอยตาพูดกับอินโฮว่าถึงแม้เธอจะยอมรับคำขอโทษของนายก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะยอมอ่อนข้อในเรื่องการสัมภาษณ์
ทันทีที่เจอควอนยุล ดาจองก็ทักว่า
"สวัสดีค่ะ ท่านนายกฯ" ควอนยุลแย้งว่า
"ชั้นต้องบอกเธออีกสักกี่ครั้งว่าชั้นเป็นแค่ว่าที่นายกฯ" และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาควอนยุลจึงบอกให้เริ่มสัมภาษณ์โดยให้เวลาดาจอง 10 นาที เฮจูเห็นว่าเนคไทควอนยุลเบี้ยวจึงจัดแต่งให้ ดาจองมัวแต่จ้องจับผิดทั้งคู่เลยพลาดตกเก้าอี้ ก่อนพูดแก้เก้อว่าตนแค่ล้อเล่นขำๆ แต่ควอนยุลไม่ขำและสั่งให้เริ่มสัมภาษณ์ทันที ดาจองขอร้องให้เฮจูและอินโฮออกจากห้องไปก่อน จากนั้นก็เปิดฉากถามถึงความสัมพันธ์ระหว่างควอนยุลและเฮจู เฮจูซึ่งกำลังจะเดินออกจากห้องถึงกับหยุดกึก เพราะเธอเองก็อยากรู้คำตอบเช่นกัน
ควอนยุลถามกลับว่าทำไมตนต้องตอบคำถามนี้ ดาจองอ้างว่าประชาชนอยากรู้ เมื่อเห็นควอนยุลไม่อยากตอบ ดาจองก็ถามว่า"บอกไม่ได้เหรอคะ" ควอนยุลจึงตอบอย่างเสียไม่ได้ว่า "ผู้จัดการซอเป็นรุ่นน้องที่มหาวิทยาลัย และเธอก็เป็นเลขาฯ ที่ทำงานกับผมมานาน" ดาจองคาดคั้น "แค่นั้นเหรอคะ" ควอนยุลยืนยัน "แค่นั้น" เฮจูได้ยินดังนั้นก็เดินออกจากห้องด้วยความเจ็บปวดใจ ถึงกระนั้นเธอก็พยายามซ่อนความรู้สึกเอาไว้โดยกล่าวกับอินโฮว่า "นึกแล้วเชียวว่าเธอต้องถามแต่เรื่องไร้สาระ"
หลังยิงคำถามสำคัญแล้ว ดาจองก็เริ่มถามคำถามเบาๆ โดยเริ่มจากอาหารจานโปรด ดาจองต้องทวนคำถามถึง 2 ครั้งกว่าจะได้คำตอบว่า "ไอศครีม" พอรู้ว่าควอนยุลทานแต่ไอศครีมรสสตรอเบอร์รี่ ดาจองก็รู้สึกตื่นเต้นที่นายกฯ ชอบทานไอศครีมรสเดียวกับเธอ มิหนำซ้ำยังชอบนักร้องคนเดียวกันอีกด้วย แม้จะไม่สบอารมณ์เพราะมีแต่คำถามไร้สาระ แต่ควอนยุลก็ยอมตอบทุกคำถาม ถึงกระนั้นก็ยังไม่วายทักท้วงว่าจะถามแบบนี้อีกนานไหม ดาจองจึงบอกว่าถ้าเธอถามประเด็นการเมืองก็จะซ้ำกับนักข่าวคนอื่นๆ และเขาก็คงตอบคำถามพวกนั้นมาเป็นร้อยครั้งแล้ว
เมื่อถูกถามเกี่ยวกับลูกๆ เช่น การ์ตูนเรื่องโปรดของมันเซ สิ่งที่ลูกๆ ของเขาอยากทำเมื่อโตขึ้น กีฬาที่ลูกๆ ของเขาชอบ ปรากฏว่าควอนยุลตอบไม่ได้สักข้อ ดาจองจึงวางปากกาแล้วบอกว่าเขาได้ศูนย์คะแนนสำหรับการเป็นพ่อ เพราะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับลูกๆ ของตัวเองเลย ถึงกระนั้นดาจองก็ไม่คิดตำหนิ ซ้ำยังบอกควอนยุลว่าไม่ใช่เรื่องแปลก พ่อของเธอก็เลี้ยงเธอตามลำพัง เธอจึงเข้าใจดีว่าการเลี้ยงลูกตามลำพังไม่ใช่เรื่องง่าย เธอยังรู้สึกเห็นใจควอนยุลเพราะพ่อของเธอเลี้ยงเธอแค่คนเดียว แต่ควอนยุลต้องดูแลลูกๆ ตั้ง 3 คน
หลังอึ้งอยู่นาน ควอนยุลก็ถามดาจองว่าถามจบหรือยัง ดาจองจึงขอถามคำถามสุดท้ายว่า ที่ผ่านมาช่วงเวลาไหนหนักหนาสาหัสที่สุดในชีวิตเขา ควอนยุลนึกถึงตอนที่ภรรยาของเขาประสบอุบัติเหตุร้ายแรง ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เขาเจ็บปวดใจและเศร้าที่สุดในชีวิต ดาจองเห็นควอนยุลนั่งหน้าเศร้าอยู่นานจึงเรียกให้เขารู้สึกตัว ควอนยุลมองนาฬิกาแล้วบอกว่าครบ 10 นาทีแล้ว จากนั้นก็ลุกหนีทันที ดาจองวิ่งตามควอนยุลออกมานอกห้องและได้ยินควอนยุลพูดกับอินโฮว่าเขามีเรื่องบางอย่างจะบอกเธอ ดาจองคิดว่า ควอนยุลต้องการขอโทษเธอเรื่องเมื่อคืน แต่ควอนยุลกลับบอกว่า "
อย่ามาให้ชั้นเห็นหน้าอีก นี่คือสิ่งที่ชั้นอยากบอกเธอ"
ถึงกระนั้น ดาจองก็กล่าวขอบคุณควอนยุลที่ยอมให้สัมภาษณ์เป็นกรณีพิเศษ พร้อมทั้งมอบของขวัญให้ ควอนยุลรับมาดูพลางถามว่าของในกล่องคืออะไร ดาจองกระซิบบอกว่า
"กางเกงในทรงบ็อกเซอร์" ควอนยุลโยนกล่องของขวัญคืนให้แล้วบอกว่า
"ไม่ล่ะ ขอบใจ ชั้นไม่ใส่บ็อกเซอร์" ดาจองทั้งขำกลิ้งและดีใจที่ควอนยุลตกหลุมพลาง ทำให้เธอรู้โดยไม่ต้องถามว่าควอนยุลสวมกางเกงในทรงบรีฟส์ หลังได้ข้อมูลเด็ดแล้วดาจองก็ส่งกล่องของขวัญให้อินโฮ แล้วรีบขอตัวทันที
ระหว่างเดินทางกลับ ดาจองและฮีชอลต่างพากันดีใจที่ได้ข้อมูลแบบเจาะลึก ฮีชอลรู้สึกว่าควอนยุลเป็นนักการเมืองมือใหม่ที่ไม่มีลูกล่อลูกชนและยอมหักไม่ยอมงอ แต่ดาจองกลับรู้สึกว่าควอนยุลเป็นคนจริงใจ ซึ่งแตกต่างจากนักการเมืองคนอื่นๆ และเธอก็นึกสงสัยว่าทำไมเขาถึงตอบคำถามเธอไม่ได้
ในเวลาเดียวกันนั้น ควอนยุลก็หยิบรูปคู่ของตนเองและอดีตภรรยาขึ้นมาดู พลางนึกถึงคำถามของดาจอง เมื่อมีเสียงคนเคาะประตูห้องเขาก็รีบเก็บซ่อนรูปทันที เฮจูนำรายงานจากสำนักนายกฯ มาให้ควอนยุลตามที่เขาร้องขอ และกล่าวอย่างเห็นใจว่าเขาคงรู้สึกอึดอัดที่ถูกสัมภาษณ์แบบหน่อมแน้มในวันนี้ แต่แล้วเธอก็ต้องแปลกใจเมื่อควอนยุลบอกว่าการสัมภาษณ์ไม่ได้แย่อย่างที่คิด เขายังบอกให้เธอกลับบ้านไปก่อนเพราะเขาจะกลับบ้านหลังอ่านรายงานจบ ก่อนออกจากห้องเฮจูจะถามอะไรบางอย่างแต่เกิดเปลี่ยนใจ พอออกจากห้องควอนยุลแล้วเฮจูก็ถอนใจและบอกตัวเองว่าแค่นี้ก็เกินพอแล้ว
คืนนั้นดาจองเสิร์ชหาข่าวเกี่ยวกับควอนยุล เมื่อพบข่าวเรื่องที่เขาต้องสูญเสียภรรยาเพราะอุบัติเหตุทางรถยนต์ ตอนที่เขาดำรงตำแหน่งผู้ว่าการเกาะเชจู (ซึ่งบก. เคยเล่าให้เธอฟังแล้ว) เธอก็ตีอกชกหัวตัวเองและรู้สึกผิดที่ถามคำถามแทงใจดำควอนยุล เธอจึงคิดที่จะนำเสนอข่าวควอนยุลใน 'ด้านดีๆ' เธอพิมพ์หัวข้อข่าว 'นายกผู้สวมใส่กางเกงในทรงบรีฟส์' จากนั้นก็ขำกลิ้งเมื่อนึกถึงภาพควอนยุลนุ่งกางเกงใน (ทรงบรีฟส์) ตัวเดียว แต่แล้วก็เปลี่ยนใจเมื่อคิดว่าคงไม่เวิร์ค เธอจึงเปลี่ยนหัวข้อข่าวเป็น 'นายกฯ ผู้โปรดปรานไอศครีมรสสตรอเบอร์รี่' และคิดว่าประเด็นนี้ต้องฮอตฮิตแน่ๆ
และแล้วข่าวของเธอก็มีผู้เข้าชมมากกว่า 5 แสนคน และประเด็นข่าวที่มีคนกล่าวถึงมากที่สุดก็คือเรื่องราวของนายกฯ ไม่นานบก. ก็เดินมาหาดาจองพร้อมเงินเป็นฟ่อน พร้อมทั้งบอกว่าจะให้โบนัสเธอ 100% ไม่ว่าเธออยากได้อะไรตนก็จะให้ ทั้งยังเลื่อนตำแหน่งให้เธอเป็นหัวหน้านักข่าวอีกด้วย เท่านั้นยังไม่พอ อินโฮยังมาหาเธอที่ออฟฟิศ ทันทีที่มาถึงเขาก็ตรงเข้ากอดและชื่นชมเธอ แม้แต่ควอนยุลยังนำช่อดอกไม้มาให้และชวนเธอไปทำงานด้วย
ปรากฏว่าทั้งหมดเป็นแค่ความฝัน หลังดาจองตื่นได้ไม่นานฮีชอลก็มาเคาะประตูบ้านพลางบอกว่าดาจองงานเข้าแล้ว ดาจองนึกว่าข่าวที่เธอเขียนกำลังเป็นกระแสบนโลกออนไลน์เหมือนอย่างในฝัน จึงถามด้วยความดีใจว่าข่าวของเธอดังใหญ่แล้วใช่ไหม ฮีชอลเหน็บว่าแน่นอน ตอนนี้ข่าวเธอกำลังดังสุดๆ พลางยื่นหนังสือพิมพ์โครยอให้เธอดู ดาจองเห็นภาพแอบถ่ายของตัวเองกับนายกขนาดครึ่งหน้าหนังสือพิมพ์พแล้วถึงกับช็อค
ควอนยุลโกรธจัดเมื่อเห็นภาพตนกับนาจองบนหน้าหนังสือพิมพ์ เขาสั่งให้สืบหาว่าเป็นฝีมือใคร ทั้งยังสั่งให้เฮจูบล็อกข่าวดังกล่าว ถึงกระนั้นก็ไม่อาจหยุดยั้งกระแสบนโซเชียลเน็ตเวิร์คได้ ทุกคนที่เห็นข่าวต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆ นานา เพราะในข่าวระบุว่าควอนยุลพรอดรัก (จูบ) กับผู้เยาว์ในที่สาธารณะ (ชุดที่ดาจองใส่คล้ายยูนิฟอร์มนักเรียนมัธยม) ทำให้ประชาชนรับไม่ได้และผิดหวังมาก
ปรากฏว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังข่าวฉาวก็คือจุนกี อินกวอนถามจุนกีว่าจะให้ตนแฉประวัติหญิงสาวคนดังกล่าว (ดาจอง) ด้วยไหม จุนกี บอกว่าไม่จำเป็นเพราะถึงยังไงพวกนักข่าวก็ต้องขุดคุ้ยเรื่องนี้อยู่แล้ว เขามั่นใจว่าคราวนี้ควอนยุลหมดอนาคตแน่ๆ
เฮจูสงสัยว่าจุนกีอยู่เบื้องหลังการปล่อยข่าวฉาว แต่ควอนยุลแย้งว่าตราบใดที่ยังไม่มีหลักฐานก็ไม่ควรกล่าวหาใคร เฮจูแนะนำให้ ควอนยุลเผยความจริงว่าคนในภาพคือดาจองไม่ใช่ผู้เยาว์ตามที่เป็นข่าว อินโฮแย้งว่าไม่จำเป็นเพราะอีกไม่นานพวกนักข่าวก็ต้องตามสืบจนรู้ว่าเป็นดาจองอยู่ดี ที่สำคัญดาจองเป็นปาปารัสซี่ของหนังสือที่เน้นนำเสนอเรื่องอื้อฉาว แถมก่อนหน้านี้เธอก็เป็นคนเดียวที่ได้รับอนุญาตให้มาสัมภาษณ์พิเศษควอนยุล หากเปิดเผยว่าเป็นดาจองฝ่ายตรงข้ามจะฉวยโอกาสโจมตีว่าควอนยุลแอบมีความสัมพันธ์กันอย่างลับๆ กับดาจอง
เฮจูต้องการเปิดเผยว่าคนในภาพคือดาจองเพื่อไม่ให้ควอนยุลถูกกล่าวหาว่ามีความสัมพันธ์กับผู้เยาว์ แต่เธอไม่ต้องการให้ทั้งคู่ตกเป็นข่าวว่ากำลังคบกัน จึงคิดที่จะแก้ข่าวด้วยการกล่าวหาว่าดาจองร่วมมือกับจุนกีเพื่อดิสเครดิตควอนยุล ควอนยุลไม่เห็นด้วยกับวิธีการของเฮจู เฮจูแย้งว่าถ้าไม่รีบแก้ข่าวเขาอาจไม่ได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา (ให้เป็นนายกฯ) และอนาคตทางการเมืองก็จะดับวูบ ควอนยุลยืนกรานว่าถึงอย่างนั้น ตนก็ไม่อาจเอาตัวรอดด้วยการโยนบาปให้ดาจอง
หลังเปิดประเด็นร้อนด้วยการลงข่าวอื้อฉาวของควอนยุล โฮชอลก็กลายเป็นนักข่าวที่เพื่อนๆ ในวงการต่างพากันซูฮก เขาถูกรุมถามว่าได้ข่าวมายังไง และรู้ไหมว่าใครคือผู้หญิงในภาพ โฮชอลโม้ว่าตนรู้แต่บอกไม่ได้ว่าผู้หญิงในภาพเป็นใคร เพราะเธอไม่ได้ทำอะไรผิดจึงไม่ควรตกเป็นข่าว หลังเดินเลี่ยงออกมาแล้ว โฮชอลก็บ่นเรื่องที่แหล่งข่าวไม่ยอมเปิดเผยว่าผู้หญิงคนดังกล่าวเป็นใคร ทันใดนั้น เขาก็เหลือบไปเห็นดาจองแอบย่องเข้ามาในตึก พอเห็นดาจองเขาก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนก่อนดาจองสวมเสื้อผ้าแบบเดียวกับผู้หญิงปริศนาในภาพ (ที่กำลังตกเป็นข่าวอื้อฉาวกับควอนยุล)
โฮชอลรีบวิ่งตามดาจองไปที่ลิฟต์แต่ก็คลาดกันแบบฉิวเฉียดเขาจึงรีบวิ่งตามขึ้นบันได ดาจองเห็นโฮชอลเลยรีบเดินหนี แต่แล้ว อยู่ๆ ก็มีใครคนหนึ่งดึงแขนเธอเข้ามาหลบในมุมที่ลับตาคน และคนๆ นั้นก็คือ... ควอนยุล